SEO

SEO คืออะไร

2

SEO คืออะไร

ก่อนหน้านี้ผมได้เกริ่นเรื่อง SEO คืออะไร มาแล้วนะครับ แต่ยังไม่ได้อธิบายในเชิงลึก พอดีวันนี้บังเอิญไปเจอ youtube ของ tarad ที่ทำเป็น VDO อธิบายเรื่อง SEO คืออะไร ไว้อย่างน่าสนใจ และเข้าใจง่าย

กว่าที่จะให้ผมมาอธิบายด้วยตัวหนังสือ ผมเลยนำ VDO นี้มาให้คนที่ยังไม่เข้าใจว่า SEO คืออะไร นั้นได้ทราบกันง่ายๆ แต่เนื้อหาใน VDO นี้จะเป็นข้อมูลที่ค่อนข้างเก่าแล้วนะครับ แต่ก็ยังดีกว่า

ถ้าคุณมีเว็บไซต์และกำลังต้องการคนที่รับทำ SEO อยู่พอดี ลองมาศึกษาพื้นฐาน SEO ไว้หน่อยก็ดี จะได้คุยกันรู้เรื่องครับ

ขอขอบคุณ tarad.com ที่เอื้อเฟื้อข้อมูล

ผลกระทบจาก Google Caffeine

0

ผลกระทบจาก Google Caffeine

หลังจากที่เคยนำบทความเกี่ยวกับ Google Caffeine มาลงไว้ให้ทราบกันเมื่อคราวที่แล้วนะครับ ผมก็ได้เฝ้าวิเคราะห์การทำงานของ Google อย่างต่อเนื่องอยู่ 2 สัปดาห์ให้ทราบว่า algorithm ตัวใหม่นี้เป็นตัวที่อับเดทข้อมูลได้รวดเร็วมากที่สุดครับ ดูเหมือนว่าจะเน้นมาให้ความสำคัญกับเนื้อหา และความเคลื่อนไหวของข้อมูลบนเว็บไซต์มากขึ้น และจะทำการจัดอันดับเว็บถี่ขึ้นมาก เรียกได้ว่า ในแต่ละวัน อันดับจะมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นลงอยู่ตลอดทั้งวันครับ ตอนเช้าเว็บเราอาจจะอยู่ที่ 8 ตอนเย็นอาจจะลงมาที่ 10 หรือขึ้นสูงกว่านี้ก็เป็นได้

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจาก Google Caffeine นี้ จะมีผลดี หรือผลเสียมากกว่ากัน ผมจึงอยากจะแบ่งกลุ่มที่ได้รับอิทธิพลจาก Google Caffeine ออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน

กลุ่มที่ 1 User หรือผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตทั่วไป
ประโยชน์ที่ได้รับ คือ ผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตจะได้พบข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำและอับเดทมากขึ้น จากการค้นหาข้อมูลบนเสิร์จเอ็นจิ้น หลังจากที่เมื่อก่อนนั้น google ได้ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่เข้ามายังสาระบบแรกๆหรือ เป็นเว็บต้นฉบับมากกว่า จึงทำให้ข้อมูลเหล่านั้นถูกจัดอันดับให้อยู่ในหน้าแรกๆอันดับต้นๆบน google ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเจอมากับตัว นั่งหาข้อมูลจะอับเกรดคอม กระทู้แรกเป็นหน้าบอร์ดของเว็บ pantip ปี 2549!! โอ้เก๋ากึ้กจริงๆ

ผลเสียที่ได้รับ ตอนนี้ยังคิดไม่ออกครับ แต่คิดว่าไม่มีผลเสียใดๆ

กลุ่มที่ 2 เหล่านักปั่นเว็บ และ คนที่รับทำ SEO เช่นผม
ประโยชน์ที่จะได้รับ คือ คนที่รับทำ SEO เมื่อเข้าใจกระบวนการทำงานของ google แบบใหม่นั้น จะสามารถทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ได้สมบูรณ์มากขึ้นแบบชนิดที่ว่าอาจจะเรียกได้ว่าภายใน 3 วัน 7 วันเห็นผลแล้วครับ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่นั่งทำกันเป็นเดือนๆ กว่าจะเห็นผล แต่เทคนิคการดันอันดับเว็บไซต์ให้ขึ้นมาอย่างรวดเร็วแบบนี้ ผมเชื่อว่าคนที่รับทำ SEO อีกหลายๆคนยังไม่ทราบเทคนิคนี้ เพราะว่า เทคนิคการทำ SEO แบบเดิมๆนั้น ยังสามารถทำได้อยู่ แต่กว่าจะสำเร็จนั้นช้ากว่าแบบใหม่นี้หลายเท่าตัวเลยทีเดียว เคสนี้ได้ทำการสดสอบและลองปฏิบัติแล้วจาก ThaiSEOPro.com ครับ ดังนั้น เมื่อเข้าใจระบบ จะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วมากขึ้นครับ เพราะเชื่อว่า ลูกค้าทุกรายก็อยากจะติดหน้าแรก google กันให้เร็วที่สุดกันทั้งนั้น

ผลเสียที่เกิดคนต่อนักรับทำ SEO
จากประโยชน์ที่ได้รับแล้วนั้น หากวิเคราะห์ให้ดี และเข้าใจระบบของ google แล้วนั้น เหล่านักทำ SEO จะเข้าใจได้ทันทีว่า งานเข้าแล้วตรู 555 เพราะอะไรหรือครับ เพราะว่า ปัจจัยที่จะทำให้เว็บไซต์มีอันดับที่ดีขึ้นได้นั้น ต้องอาศัย Back Link Link Link อับเดท อับเดท อับเดท และ fresh content นั้นสำคัญที่สุดแล้วครับ แล้วใครจะว่างมานั่งเขียน content ในจำนวนเยอะๆได้บ้างล่ะ หุหุ ผมคนนึงล่ะครับ ที่ไม่ว่าง 555

Google ใช้ดัชนีเว็บตัวใหม่ Caffeine

1

Google ใช้ดัชนีเว็บตัวใหม่ Caffeine

ตอนนี้ Caffeine เสร็จสมบูรณ์แล้ว และกูเกิลก็นำมันมาใช้งานจริงแล้วในศูนย์ข้อมูลทุกแห่ง และกูเกิลทุกภาษา
กูเกิลบอกว่าระบบดัชนีแบบเก่า เก็บข้อมูลเว็บเป็นเลเยอร์ที่มีความถี่ในการอัพเดตไม่เท่ากัน (ดูภาพประกอบ) ส่วนของเลเยอร์หลักมีขนาดใหญ่มาก และการอัพเดตข้อมูลทั้งหมดของเลเยอร์หลักต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ ทำให้ข้อมูลในดัชนีของกูเกิลเก่าเกินไป เริ่มล้าสมัยสำหรับความต้องการของผู้ใช้ยุคนี้แล้ว

แต่ Caffeine จะแยกดัชนีเป็นส่วนๆ เป็นอิสระต่อกัน เมื่อส่ง crawler วิ่งไปดูดข้อมูลแล้ว สามารถอัพเดตลงในดัชนีได้ทันที ทำให้ข้อมูลในผลการค้นหาทันสมัย แถมรองรับข้อมูลแบบเรียลไทม์อย่าง Twitter/Facebook ได้ กูเกิลบอกว่า Caffeine มีขนาดข้อมูลประมาณ 100 PB (เพตะไบต์) ต่อหนึ่งฐานข้อมูล

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://blognone.com/news/16668

จากบทความนี้ทำให้เหล่านักรับทำ SEO ทั้งหลาย เตรียมตัวทำการบ้านกันได้แล้วพวกเรา lol

SEO คืออะไร

0

SEO คืออะไร

หลังจากที่ช่วงหลังๆมานี้ จะได้ยินคนถามถึงเรื่อง SEO กันอยู่เสมอว่า SEO คืออะไร มันทำอย่างไร ทำไมต้องทำ SEO อะไรทำนองนี้อยู่บ่อยขึ้นครับ

มาแล้วครับ SEO คืออะไร ติดตามได้ที่นี่

แนวทาง SEO 2010 (ต่อ)

0

แนวทาง SEO 2010 (ต่อ)

ก่อนอื่นต้องขอท้าวความจากบทความก่อนนะครับ ว่าด้วยเรื่อง แนวโน้วของ SEO ปี 2010 นี้
จากที่ได้ติดตามการเปลี่ยนแปลงและกาาอับเดทของ Google มาสักระยะจากก่อนหน้านี้ได้เคยบอกไปว่า Google
จะมอง backlink จาก IP ของประเทศนั้นๆ และจะแสดงผลได้ดีกับ Google ของประเทศนั้นๆเช่นเดียวกัน คือ
หากเว็บไซต์ A ต้องการโปรโมทเว็บไซต์บน Google.com ก็จะจำเป็นที่จะต้องได้ backlink มาจาก IP ของต่างประเทศเป็นนวนมากเช่นกัน
แต่จากการที่เช็คอับของเว็บไซต์ท่องเที่ยวที่ทำอยู่นั้น ประมาณ 5 เว็บไซต์ ก่อนหน้านี้ได้ deindex ออกไปจาก google.com อยู่ประมาณ
4-5 เดือน แต่อันดับยังคงติด Top10 บน Google.co.th อยู่ตลอด พอจะวิเคราะห์ได้ว่า ทั้ง 5 เว็บไซต์นี้มีปริมาณ backlink จากเว็บไซต์ภาษาไทยเป็นจำนวนมากนั่นเอง
แต่ ณ ตอนนี้ ทุกเว็บไซต์ได้มีอันดับกลับมาเกือบจะเท่าเดิมทุกเว็บไซต์ เลยพอจะให้วิเคราะห์ได้ระดับนึงว่า Google ได้มีการปรับอัลกอลิธึ่มอยู่เป็นประจำ
และจะมี impact ทุกๆครั้งกับเว็บไซต์ที่กำลังทำ SEO อยู่ ทำให้เรามีอะไรใหม่ๆ ที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมอีกแล้ว
ทั้งหมดนี้เป็นอีก 1 กรณีศึกษาของการทำ SEO ที่เหล่านัก รับทำ SEO มืออาชีพ ต้องคอยติดตามการอับเดทของ Google อยู่เสมอ

วิธีปฏิบัติเบื้องต้นในการทำการตลาดออนไลน์ และ SEO

2

ความสำคัญของการทำ Internet Marketing, Online Marketing และ SEO

1. ต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายของเราก่อน
การออบแบบ Website ควรคิดถึงกลุ่มเป้าหมาย ว่าเป็นใคร นี้คือเรื่องของ Internet Marketing หรือ Online Marketing

2. Website ต้องสร้างเนื้อหา หรือ Theme ตรงตามวัตถุประสงค์ เช่น
ต้องการขายของ ก็ต้องบอกว่าขายอะไร Services อะไร ทำอะไร และ ใครจะได้อะไร เป็นงาน Marketing ที่ต้องชัดเจน นี้คือ Internet Marketing หรือ Online Marketing

3. Website ต้องมีความน่าเชื่อถือ
ข้อนี้ยากมาก ต้องใช้ความรู้ว่าบน Internet ว่าเขาวัดความเชื่อถือกันอย่างไร และประเภทธุรกิจของเรา เขาวัดกันตรงไหน ซึ่งเราสามารถดูคร่าวๆ ได้จากน่าแรกเว็บไซต์
4.ให้ความสำคัญกับ Page Contact
Page นี้จะช่วยนำผู้มุ่งหวัง สามารถเข้ามาสู่ธุรกิจเราได้ ควรจะต้องปรับปรุง และ ตรวจสอบอยู่เสมอว่า มี Mail เข้ามาหรือไม่ และ มีการตอบ Mail หรือไม่

5. การทำ SEO ( Search Engine Optimization )
1. ศึกษา  SEO เบื้องต้น
2. วางแผน  SEO เบื้องต้น เช่น คีย์เวิร์ดที่ต้องการ กลุ่มลูกค้าเป็นใคร
3. ศึกษาขู่แข่ง

6. Webstat หรือ สถิติเว็บไซต์
ควรมีการติดตั้ง Webstat สำหรับเก็บข้อมูลของ Visitor เพื่อนำมาวิเคราะห์ ฯลฯ และประเมินผลการทำงานที่ผ่านมา

7. Internal Links หรือ ลิ้งค์ภายในเว็บไซต์
ควรให้ความสำคัญกับ Link ภายใน คือ Keyword ควรมีการ Link ไปยัง Page อื่นๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับ Keyword ของเรา

8. External Links หรือ ลิ้งค์ที่ออกไปยังเว็บอื่นๆ
ควรให้ความสำคัญกับ Link ภายนอก คือ Website อื่นๆ ที่มีเนื้อหา หรือบทความที่เกี่ยวข้องกับ Keyword ของเราด้วย

9. Submit หรือ การลงทะเบียนกับ Website ต่างๆ ให้มากที่สุด

10. หากที่กล่าวมากข้างต้น ยากจนเกินไป ติดต่อ ThaiSEOPro.com ^^

สถิติที่คนถามถึงบ่อยๆ

0

เป็นข้อมูลเก่าเมื่อปี 2006 นู๊นแน่ะ (แต่คิดว่าไม่น่าจะต่างจากปัจจุบันมากนัก) เป็นข้อมูลที่ AOL ทำหลุดออกมา และมีคนนำไปวิเคราะห์ ซึ่งให้ผลดังนี้

* ผู้ใช้จำนวนมากกว่า 42% จะคลิ้กในอันดับที่ 1 ของผลการค้นหา
* ผู้ใช้จำนวน 12% จะคลิ้กอันดับ 2 ของผลการค้นหา
* ผู้ใช้จำนวน 8.5% จะคลิ้กอันดับ 3 ของผลการค้นหา
* อันดับ 4  มีผู้ใช้คลิ้กที่ 6%
* อันดับ 5  5%
* อันดับ 6  4%
* อันดับ 7 –  10 จะอยู่ที่ประมาณ 3%
* และมีเพียง 10% เท่านั้นที่จะคลิ้กไปยังหน้า 2 ของผลการค้นหา

จากข้อมูลดังกล่าวคงจะทำให้ทราบแล้วนะครับ ว่าทำไมถึงต้องทำSEO ให้กับเว็บไซต์ และทำไมถึงมีบริษัทที่รับทำSEO เกิดขึ้นมากมาย ^^

ที่มา : หนังสือปรับเว็บให้แรง แต่งให้ติดอันดับ

SEO-Static-2สิ่งที่ขาดไม่ได้

1

ช่วงนี้งานยุ่งไม่ใช่น้อย -_-“ ตลอดระยะเวลาี่การทำงานในด้าน SEO นี้ ผมจะได้แนวความคิด และวิธีการใหม่ๆเกิดขึ้นเสมอๆ เพราะว่าเวลาที่คุณ ทำ SEO ไปเรื่อยๆ คุณจะพบเจอเทคนิค และปัญหาที่เกิดขึ้นใหม่ๆอยู่เสมอ เพราะว่าอะไร ก็เพราะว่า Google ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง นี่เป็นสาเหตุที่เหล่านัก ทำ SEO ต้องค้นหาและติดตามอับเดท ข้อมูลข่าวสาร และเทคนิคใหม่ๆ ให้ทันพี่กูเค้าไงครับ ถ้าหากเราหยุดเมื่อไหร่ จะต้องเจอกับเหตุการณ์ที่หาคำตอบไม่ได้ แล้วเราในฐานะ SEO Specialist จะปล่อยให้เหตุการแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไงครับ เกริ่นมา 3 วันแล้ว ขอเข้าเรื่องเลยละกันครับ -..-

เมื่อเราจะเริ่ม ทำ SEO สิ่งที่ทุกคนเข้าใจพื้นฐาน คือ on page , off page ใช่มั้ยครับ แต่ยังมีอีกอย่างนึงที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ Static หรือ สถิติ ครับ ตลอดเวลาที่ผม ทำ SEO นั้น จะต้องคอยดูสถิติตลอด เพราะตัวสถิตินี่เอง จะเป็นตัวบอกว่า เรา ทำ SEO สำเร็จหรือไม่ ตัวสถิตินี่เอง จะเป็นตัวบ่งบอกให้เรารู้ว่า เราทำ SEO มาถูกทางหรือเปล่า หรือ เมื่อก่อนลงมือทำนั้น ถ้าหากได้ทราบสถิติมาก่อนลงมือนั้น ก็จะทำให้เรา “ไม่พลาด” ยังไงล่ะครับ

เพราะว่าคำบางคำ ดูเหมือนจะดี การแข่งขันสูง ถ้าหากว่าเราสามารถอยู่หน้าแรกได้ จะต้องมีทราฟฟิกเยอะแน่ๆเลย บางทีมันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้น….

จากในมุมมอง และประสบการณ์ของผม จำนวนเพจที่เยอะ ไม่ได้เป็นตัววัดความยากง่าย หรือ จำนวนทราฟฟิกที่จะได้รับ  แม้จะมีจำนวนผู้ลงโฆษณา Google Adword ที่มากมาย ก็ไม่ได้บ่งบอกอีกเช่นกัน…

แล้วผมดูจากอะไร ???

ผมดูจาก สถิติ ของแต่ละเว็บไซต์ในหน้าแรก ของคำที่เราต้องการจะ ทำ SEO ครับ เช่น จำนวนผู้ที่ออนไลน์ จำนวนเพจวิวที่มีอยู่ ซึ่งแต่ละเว็บไซต์ จะมีตัวนับสถิติอยู่ ซึ่งบางเว็บไซต์ก็สามารถดูได้ แต่บางเว็บก็ดูไม่ได้…แต่ไม่เป็นไร เพราะผมไม่ได้ดูแค่นี้นี่ครับ ยังมีตัว addon ของ Firefox บางตัวที่สามารถแสดงสถิติให้คุณได้ทราบเพิ่มเติมอีก และถ้าหากเป็น keyword ภาษาอังกฤษ เราสามารถดูได้จาก semrush ได้บ้างเหมือนกัน  การจะวิเคราะห์ keyword ใ้ห้ลูกค้าสักรายนี่ ขอบอกว่าใช้เวลาคิด และวิเคราะห์นานมากๆ เพราะ “ผมไม่อยากพลาด” ครับ

ทิ้งท้ายวันนี้ : การทำ SEO ไม่มีทฤษฎีที่ตายตัว ต้องลงมือทำถึงจะรู้และเข้าใจว่า SEO is an art!

*วันนี้เว็บหลัก ไตร่อันดับได้สูงที่สุด ในตำแหน่งที่ 4 ในคำว่า รับทำ SEO แต่ถ้าพรุ่งนี้ไม่ใช่ก็ไม่แปลกใจ เพราะนักทำ SEO ทุกๆคนอยากได้คำนี้กันทั้งนั้นแล….

Go to Top